รีวิว The Purge 3 Election Year คืนอำมหิต ปีเลือกตั้งโหด
รีวิว The Purge 3 Election Year คืนอำมหิต ปีเลือกตั้งโหด หนังชุด The Purge ดูเล่นใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ครับ ภาคแรกเหตุเกิดในบ้าน ภาค 2 เหตุเกิดพล่านเมือง และในภาคนี้ประเด็นที่เอามาเล่นก็ถือว่าระดับประเทศทีเดียว แต่ถ้าพูดถึงความใหญ่ของเหตุการณ์แล้ว ก็ไม่ได้ใหญ่ไปกว่าภาค 2 ครับ พล่านเมืองพอกัน
หนนี้ Frank Grillo กลับมารับ ลีโอ บาร์นส์ เรื่องราวเกิดห่างจากภาคที่แล้ว 2 ปีครับ ตอนนี้เขามาทำงานอารักขา ท่านสว. ชาร์ลี โรน (Elizabeth Mitchell) ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีที่ต้องการจะยกเลิกคืนล้างบาปนี่ซะ
แต่ก็แน่นอนว่ามีคนไม่เห็นด้วยกลุ่มใหญ่เลยล่ะครับ นั่นทำให้คืนล้างบาป กลายเป็นคืนที่ท่านสว. โดนตามล่า ลีโอเลยต้องหาทางปกป้องท่าทั้งมวลก็อยู่ที่ท่านนี่แหละ
อย่างที่บอกครับว่าภาคนี้ดูเล่นใหญ่ จับเอาประเด็นการเมืองมาเสริมเรื่องราว แต่พอมาดูสเกลหนังแล้วก็ไม่ต่างจากภาค 2 ครับ ลีโอยังต้องวิ่งพล่านเมือง โดนไล่ล่าทั้งจากพวกคลั่งคืนล้างบาปและพวกที่ถูกส่งมาสังหารท่านสว.
แล้วก็ยังมี โจ (Mykelti Williamson) กับ มาร์คอส (Joseph Julian Soria) ที่พยายามปกป้องร้านชำตัวเอง, และเลนี่ (Betty Gabriel) หน่วยพยาบาลเพื่อนของโจที่ต้องมาเผชิญกับความโหดของคืนล้างบาปด้วย
โดยรวมแล้วก็ถือว่าไม่เลวครับ สนุกกว่าภาคแรก แต่ยังไงภาค 2 ก็ยังเป็นภาคที่สนุกลงตัวสุด (สำหรับผมนะ) ทั้งจังหวะการเดินเรื่อง จังหวะผ่อน จังหวะแอ็กชัน และความระทึกขวัญต่างๆ ทุกอย่างกำลังดีครับ และถือว่ามีอะไรให้ลุ้นเยอะพอดูด้วย
ในขณะที่ภาคนี้จริงๆ ถ้าตัดประเด็นการเมืองออกไปก็ถือว่ามาทางเดียวกับภาค 2 เลยครับ แต่ในแง่ความลุ้นระทึกและน่าติดตามกลับไม่มากเท่า ส่วนหนึ่งอาจเพราะภาคที่แล้วตัวละครแต่ละคนมันมีปมชวนให้ติดตามน่ะครับ ประมาณว่าบางทีก็ไว้ใจกันไม่ได้แบบเต็มร้อย บรรยากาศมันเลยมีกลิ่นมาคุกดดันผสมๆ เพิ่มความน่าสนใจให้กับหนังได้
แต่ภาคนี้เหมือนทุกอย่างจะชัดครับ ไม่มีอะไรปิดบัง ไม่มีอะไรให้ลุ้น คือแค่ดูว่าสุดท้ายท่านสว. จะรอดหรือตายแค่นั้น ในขณะที่ตัวละครอื่นๆ มันชัดเลยว่าใครดีใครร้าย ไม่มีการหักมุม เลยทำให้ความกดดันที่เคยมีในภาคก่อนๆ ลดน้อยลงไปเยอะเหมือนกัน
POST YOUR COMMENTS